อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (High Speed Internet)
Internet คือ การที่หลาย ๆ เครือข่ายเชื่อมต่อกันและทำงานเสมือนเป็นเครือข่ายอันเดียวกัน ในอดีตเมื่อเริ่มมีการนำเครื่อง คอมพิวเตอร์ หรือ PC มาใช้งานในเชิงธุรกิจในยุกแรกนั้น ๆ เนื่องจากมีการพัฒนา Application ทางธุรกิจให้เลือกใช้งานมากมาย ก็ทำให้จำนวนการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมีเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ได้ถูกเชื่อมโยงกัน ทำให้ ผู้ใช้พบปัญหาต่าง ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องไม่ได้ต่อเครื่องพิมพ์ไว้เวลาจะพิมพ์งานก็จะเอาข้อมูลนั้นไปพิมพ์ที่เครื่องอื่น ทำให้ไม่สะดวกและยุ่งยาก ยิ่งเมื่อองค์กรธุรกิจนั้นขยายตัวมากก็ทำให้ปัญหาการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบเครื่องเดี่ยวโดด ๆ (Stand alone )กลายเป็นความไม่สะดวกเท่าที่ควร ทางแก้ไขคือ การติดตั้งระบบเครือข่าย Lan เพื่อเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ เครือข่าย LAN ช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานข้อมูลร่วมกันกับหน่วยงานอื่น ๆ ได้หรือ สามารถส่งผ่านข้อมูลไปมาระหว่างหน่วยงานได้อย่างราบรื่น รวมถึงการใช้งานเครื่องพิมพ์ธรรมดา ๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ความเร็วสูงเพื่อใช้งานกันในหน่วยงานต่าง ๆ
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน ลักษณะของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น สามารถสื่อสารกันได้หลายเส้นทาง โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอื่น ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง
การใช้อินเทอร์เน็ตแบบเดิมๆ (Dial Up)การใช้อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป เราต่อสายโทรศัพท์เข้ากับโมเด็ม เข้าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ในการใช้งาน เราจะต้องทำการต่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ต โดยการ กด Dial ต่อจากนั้น ก็ใช้อินเทอร์เน็ตได้ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต ขึ้นอยู่กับโมเด็มด้วย ซึ่งโมเด็มความเร็วสูงสุดที่ใช้ก็เพียง 56 Kbps แต่ถ้าใช้งานเพียงเรียกดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต (Downstream หรือ Download) ความเร็วดังกล่าว ก็นับว่าดีเพียงพอ แต่ถ้าจะดูภาพแบบ Video หรือ Movie Clip ก็ควรจะต้องมีความเร็วสูงขึ้น และในกรณีที่ต้องการใช้แบบ Upstreamหรือ Upload ก็ควรจะใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้น
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (High Speed Internet หรือBroad Band Internet)บรอดแบรนด์ คือเทคโนโลยีการับ-ส่งข้อมูลที่เร็วขึ้น โดบใช้เทคนิคWide Band ซึ่งเมื่อมี Bandwidth มาก ก็จะสามารถส่งข้อมูลผ่านออกไปในปริมาณที่มากขึ้น
ในอดีตนั้น การรับ-ส่งข้อมูล ใชะระบบ Base Band ที่มีช่องความถี่แคบๆเพียง 4 กิโลเฮิรตซ์ ซึ่งทำให้เกิดข้อจกัดในการรับ-ส่งข้อมูลของโมเด็มธรรมดาเพียง 56 kbps เท่านั้น
สำหรับ Broad Band ในปัจจุบัน ใช้ความถี่ได้กว้างมาก ในช่วง25.875 ถึง 1,099.6875 กิโลเฮิรตซ์
สำหรับ Broad Band ในปัจจุบัน ใช้ความถี่ได้กว้างมาก ในช่วง25.875 ถึง 1,099.6875 กิโลเฮิรตซ์
ระบบ ADSL (Asymmetric Digital Service Line)ADSL เป็นเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่สามารถรับและส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง การรับข้อมูล (Downstream) จะมีความเร็วได้สูงถึง 8 เมกะบิตต่อวินาที (8 Mbps) และการส่งข้อมูล (Upstream) มีความเร็วสูงสุดที่ 1 Mbps แต่การให้บริการในปัจจุบัน อาจจะมีความเร็วด้านการส่งข้อมูลได้สูงสุด 512 kbps
ADSL ดีอย่างไร
1. มีความเร็วสูงกว่าระบบเดิมที่ใช้โมเด็มมาก ทำให้ดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่มีรูปภาพมากๆ หรือมีภาพVideo Clip ทำให้โหลดได้เร็วและภาพไม่กระตุก
1. มีความเร็วสูงกว่าระบบเดิมที่ใช้โมเด็มมาก ทำให้ดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่มีรูปภาพมากๆ หรือมีภาพVideo Clip ทำให้โหลดได้เร็วและภาพไม่กระตุก
2. สามารถติดต่อเข้าอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์และสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง (Always On)
3. บริการ ADSL สามารถรับข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงกว่าด้านการส่งข้อมูล เพราะได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานส่วนใหญ่ที่ผู้ใช้มักจะเรียกดูข้อมูล ภาพ และเสียง ส่วนการส่งข้อมูล เช่น การส่งอีเมล์ การ Update ข้อมูล Edit ข้อมูลในเว็บไซต์นั้น จะมีความเร็วต่ำกว่า และอาจจะสูงสุดที่ 512 kbps แต่ก็นับว่ามากพอ
4. เมื่อติดตั้งระบบ ADSL แล้ว จะสามารถใช้งานโทรศัพท์หรือโทรสารได้ตามปกติ พร้อมกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต บนคู่สาย หรือที่หมายเลขโทรศัพท์เดียวกัน
5. ผู้ใช้งานระบบ ADSL จะต้องเสียค่าบริการรายเดือนแบบเหมาจ่าย เช่นในปัจจุบัน ที่ความเร็ว 4 Mbps ค่าบริการรายเดือนของTrue เดือนละ 590 บาท
ระบบ ADSL2+ADSL2+ เป็นระบบที่พัฒนาต่อมาจาก ADSL เมื่อปี ค.ศ. 2003ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับระบบเก่าได้ โดยระบบ ADSL2+ จะมีความเร็วสูงถึง 24 เมกะบิตต่อวินาที หรือเร็วกว่า ADSL ถึง 3 เท่าในระยะทาง 1 กิโลเมตร สำหรับการใช้งานแบบ Downstreamหรือ Download และถ้าระยะทางเพิ่มมากขึ้น ความเร็วก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ จนใกล้กับระบบ ADSL สำหรับการใช้งาน ADSL2+แบบ Upstream หรือ Upload นั้นความเร็วสูงสุดได้ 1 เมกะบิตต่อวินาที เท่ากับระบบ ADSL
ความเร็วของอินเทอร์เน็ตกับระยะทางจากชุมสายเนื่องจากคลื่นความถี่สูงๆจะเดินทางได้ไม่ไกลมาก คือมีอัตราการลดทอนดังนั้นทำให้จำนวนช่องสัญญาณของระบบ ADSL ที่มีอยู่ถึง 255 ช่องไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมดเมื่อมีระยะทางไกลขึ้น โดยเฉพาะช่องที่
มีความถี่สูงๆ จึงทำให้ ADSL มีความเร็วทางด้านการใช้งานแบบDownstream / Download ลดลง เมื่อผู้ใช้อยู่ห่างจากชุมสายมากขึ้น
มีความถี่สูงๆ จึงทำให้ ADSL มีความเร็วทางด้านการใช้งานแบบDownstream / Download ลดลง เมื่อผู้ใช้อยู่ห่างจากชุมสายมากขึ้น
การทดสอบความเร็ว(Speed Test)ท่านสามารถทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตได้โดยเข้าไปที่www.adslthailand.com แล้วคลิกที่ Speed Test
จากนั้น ก็จะทราบ Bandwidth ตามตัวอย่าง ดังนี้
จากนั้น ก็จะทราบ Bandwidth ตามตัวอย่าง ดังนี้
Cable Modem & ADSL มิติใหม่ internet ความเร็วสูงในประเทศไทย
เทคโนโลยีในการต่อเชื่อม internet ด้วยความเร็วสูงซึ่งประกอบด้วย ระบบ cable modem จาก Asianet, เทคโนโลยี ADSL ของบริษัท UBT
เทคโนโลยี Cable Modem นั้น ทางบริษัท Asianet เป็นผู้จัดแสดง โดย มีการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยี cable modem เข้ามาใช้ในประเทศไทย โดยเทคโนโลยี cable modem เป็น เทคโนโลยีที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบ internet ด้วยความเร็วสูง ผ่านทางระบบ cable TV พร้อมกับการรับชมรายการทาง cable TV ได้ด้วย โดยอาศัยอุปกรณ์สำหรับแยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ ออกจากสัญญาณโทรทัศน์ (splitter) ซึ่งความเร็วที่ได้นั้น จะสูงกว่าการใช้ analog modem หรือ modem ในปัจจุบันมาก โดยทาง Asianet กล่าวว่า มีความเร็วถึง 1Mbps ทีเดียว
หลักการของเทคโนโลยี cable modem นั้นจะเหมือนกับการทำงาน ของ modem ทั่วไป คือทำการรวมสัญญาณ (modulate) คลื่นพาหะ เข้ากับข้อมูล digital ที่ตัวส่ง และทำการแยกสัญญาณ (demodulate) ข้อมูล digital ออกจาก คลื่นพาหะที่ตัวรับ โดยจะทำการเชื่อมต่อระหว่างระบบ คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ กับระบบเครือข่ายผ่านสายสัญญาณ ของระบบ cable TV ซึ่งจะสามารถ ทำการกำหนดความเร็วในการส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับระบบเครือข่ายได้ตาม ความต้องการที่ต่างกัน จาก 320 kbps จนถึง 10 Mbpsได้ เช่น ผู้ใช้งานที่เป็นภาคธุรกิจ อาจต้องการความเร็วใน การส่งขึ้นสู่ระบบเครือข่าย(upstream)และลงจากระบบเครือข่าย (downstream) ที่สูง ในขณะที่ผู้ใช้งานทั่วไป อาจต้องการความเร็วในการ ส่งข้อมูลลงจากเครือข่าย (downstream) สูง แต่ไม่ต้องการความเร็วในการ ส่งขึ้นเครือข่าย(upstream) มากนัก เช่นบริการ video on demand เป็นต้น
สำหรับเทคโนโลยี ADSL ( Asymmetric Digital Subscriber Line ) ที่ได้มีการนำมาแสดงนั้น เป็นเทคโนโลยีในการสื่อสาร ทาง internet ความเร็วสูงผ่านทางสายโทรศัพท์ธรรมดา โดยนำเอาย่านความถี่ ที่ไม่มีการใช้งานในระบบโทรศัพท์มาใช้งาน เนื่องจากระบบโทรศัพท์ จะใช้สัญญาณจาก 3 Hz ถึง 4000 Hz เท่านั้น จึงยังเหลือความถี่ในส่วนที่ ไม่ได้ใช้งานอยู่อีกมาก โดยจะส่งข้อมูลที่ระดับที่สูงกว่า 4000 Hz จึง ทำให้สามารถใช้งานระบบโทรศัพท์ได้แม้มีการสื่อสารข้อมูลด้วยระบบ ADSL อยู่ โดยอาศัยอุปกรณ์ ที่ใช้ในการแยกสัญญาณโทรศัพท์ และ สัญญาณข้อมูลออกจากกัน
ADSL จะทำการแบ่งการส่งข้อมูลจากเครื่อง PC ไปยังผู้ให้บริการ ออกเป็นขาขึ้น( upload ) คือ จากเครื่อง PC ไปยังผู้ให้บริการ และ ขาลง
(download ) คือ จากผู้ให้บริการสู่เครื่อง PC โดยความเร็วในการส่งข้อมูลสำหรับขาขึ้นและ ขาลงจะไม่เท่ากัน คือความเร็วในขาขึ้นจะไม่สูงมากนัก คือประมาณ 64 kbps - 1.5 Mbps โดยมีความเร็วในขาลง ( download ) ได้ตั้งแต่ 2 Mbps ถึง 8 Mbps ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งความเร็วของการส่ง ข้อมูลของเทคโนโลยี ADSL นั้นจะขึ้นอยู่กับ ระยะห่าง จากเครื่องคอมพิวเตอร์บ้านถึงจุดให้บริการ ADSL, ขนาดของ สายทองแดงที่ใช้ และคุณภาพของสาย ซึ่งความเร็วในการส่งข้อมูล จะลดลงตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น และขนาดของสายที่เล็กลง
(download ) คือ จากผู้ให้บริการสู่เครื่อง PC โดยความเร็วในการส่งข้อมูลสำหรับขาขึ้นและ ขาลงจะไม่เท่ากัน คือความเร็วในขาขึ้นจะไม่สูงมากนัก คือประมาณ 64 kbps - 1.5 Mbps โดยมีความเร็วในขาลง ( download ) ได้ตั้งแต่ 2 Mbps ถึง 8 Mbps ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งความเร็วของการส่ง ข้อมูลของเทคโนโลยี ADSL นั้นจะขึ้นอยู่กับ ระยะห่าง จากเครื่องคอมพิวเตอร์บ้านถึงจุดให้บริการ ADSL, ขนาดของ สายทองแดงที่ใช้ และคุณภาพของสาย ซึ่งความเร็วในการส่งข้อมูล จะลดลงตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น และขนาดของสายที่เล็กลง
เทคโนโลยี ADSL ถูกพัฒนาให้ใช้ TCP/IP Protocol เป็นหลัก ซึ่งเป็น Protocol ที่ใช้บนเครือข่าย Internet และพัฒนา บนพื้นฐานของเทคโนโลยี ATM ทำให้ ADSL สามารถรองรับ Application ในด้าน Multimedia ได้เป็นอย่างดี ดังเช่น Video on demand , Entertainment on Demand รวมถึงสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีเครือข่าย ความเร็วสูงอย่าง ATM ( Asynchronous Transfer Mode ) ด้วย ( ATM over ADSL )
Cable Modem และ ADSL นั้นมีจุดที่เหมือนกันคือ ผู้ใช้สามารถ ใช้งานอุปกรณ์อื่นไปพร้อมๆ กับที่เข้าสู่ระบบ internt ได้ด้วย โดยใช้อุปกรณ์แยกสัญญาณ ( splitter ) สำหรับแยกสัญญาณข้อมูล ออกจากสัญญาณอื่นในสายส่งสัญญาณ สำหรับเทคโนโลยี Cable modem นั้น ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใข้ internet ที่ใช้บริการ cable TV อยู่ก่อนแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการ cable TV อยู่ก่อนแล้ว จำเป็นจะต้องทำการติดตั้งสายส่งข้อมูลจากผู้ให้บริการ cable TV และตัวแยกสัญญาณ ( splitter )ก่อนจะใช้งานได้ ส่วนเทคโนโลยี ADSL นั้นเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานบน สายโทรศัพท์ธรรมดา จึงไม่ จำเป็นต้องวางสายสัญญาณระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการ แต่เนื่องจาก ข้อจำกัดด้านระยะ ทาง,ขนาด และ คุณภาพของสายสัญญาณ จึงทำให้ พื้นที่ที่ให้บริการADSL นั้นค่อนข้างจำกัด คือ ต้องอยู่ห่างจาก เครือข่ายไม่เกิน 3 กิโลเมตร และสายโทรศัพท์จะต้องสามารถ รองรับเทคโนโลยี ADSL ด้วย รวมถึง modem ที่ใช้ ในการส่งสัญญาณ
เทคโนโลยี cable modem และ ADSL ที่มีการนำเสนอในงาน BOI Fair 2000 นี้ เป็นเทคโนโลยีที่คาดว่าจะมีบทบาท สำคัญในระบบ internet ความเร็วสูงในอนาคต ที่ความเร็วในการเชื่อมต่อกับระบบ internet โดยวิธีการต่อเข้ากับผู้ ให้บริการ internet ( ISP ) ที่ความเร็ว 56.6 kbps นั้นเริ่มจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงมีความต้องการเทคโนโลยี ความเร็วสูงต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น broadband ISDN, cable modem, ADSL หรือ satellite modem จึงถือเป็นเรื่อง ที่น่ายินดีที่มีการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีแต่ละอย่างนั้นมีจุดเด่น และจุดด้อย ในตัวเองต่างกัน ผู้ที่ต้องการจะใช้งานจึงจำเป็นจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจต่อเทคโนโลยีต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ บริการต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด รวมถึงตัวผู้ใช้งานเอง ก็ควรจะได้ทำการพัฒนาลักษณะการใช้งาน และ การวางแผนการใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดตามศักยภาพของ เทคโนโลยีนั้นๆ ด้วย